วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

วิธีเลือกคาร์ซีทให้ได้ของดี

คุณแม่หลายท่านที่ใช้คาร์ซีทรถยนต์กับลูกที่ยังตัวเล็กอยู่นั้น คงจะกังวลใจไม่น้อยในเวลาที่ต้องขับรถเร็วเพื่อให้ถึงเป้าหมายตามเวลา และบางครั้งการคาดเข็มขัดนิรภัยสำหรับเด็กนั้นก็ไม่ได้ช่วยอะไรสักเท่าไหร่ แถมยังเป็นอันตรายสำหรับเด็กอีกด้วย แต่ตอนนี้มีคาร์ซีทมาช่วยงานสำหรับคุณแม่กันแล้ว จึงหมดปัญหาในการเดินทางอีกต่อไป คุณแม่สามารถเลือกคาร์ซีทได้เองแบบสวยถูกใจและใช้งานดีอีกด้วย

การเลือกคาร์ซีทแบบง่ายๆและได้ของดีก็มีเพียง 5 ข้อดังนี้

1.ดูตัวอย่างจากผู้ที่เคยใช้

คุณสามารถดูตัวอย่างจากเพื่อนที่เคยใช้หรือประสบการณ์ตรงจากผู้ที่ใช้มาก่อนได้ว่าคาร์ซีทที่คุณต้องการตรงกับคุณหรือไม่อย่างไร

2.เลือกแบบมาตรฐาน

การเลือกสินค้ามาตรฐานเป็นสำคัญก็ช่วยให้คุณได้ของดีและของที่ถูกใจด้วยเช่นกัน

3.เลือกตามแบบที่ผู้ขายแนะนำ

การบอกความต้องการให้ทางผู้จำหน่ายรู้ คุณก็จะได้ของดีที่ตรงตามความต้องการด้วยเช่นกัน

4.เลือกลวดลายด้วยตนเอง

การเลือกแบบที่มาตรฐานที่ต้องการแล้วก็เลือกลวดลายสีสันแบบที่ต้องการ จะได้ใช้งานคาร์ซีทอย่างมีความสุข

5.เลือกราคาให้เหมาะกับคุณ

การเลือกที่สำคัญที่สุดคือเลือกในด้านของราคา ต้องมองดูราคาที่พอเหมาะ เลือกแพงเกินไปคุณอาจจะใช้งานแบบกลัวเสียก็เป็นได้ เพราะของแพงมักจะใช้น้อย ของถูกมักจะใช้ดี

การเลือกคาร์ซีทจึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะหามาใช้งาน ตอนนี้คุณรุ้วิธีเลือกแล้วก็เลือกหาคาร์ซีทมาใช้งานได้ทันที

เลือกซื้อคาร์ซีทราคาถูก คลิกเลย >>
สินค้าราคาถูก

วิธีเลือกซื้อคาร์ซีทแบบเจาะลึก

เมื่อคุณตัดสินใจได้แล้วว่าจะให้ลูกนั่งในคาร์ซีทเพื่อความปลอดภัยสำหรับการเดินทาง ปัญหาต่อมาที่ใครๆ หลายคนมักครุ่นคิดกันอยู่นานคือ จะซื้อยังไง รุ่นไหน ยี่ห้อไหน ต้องมีงบประมาณเท่าไร แล้วจะซื้อแบบไหนดี มีทั้งแบบเป็นกระเช้าหิ้วได้ เก้าอี้ตัวเล็ก ตัวใหญ่ สิ่งเหล่านี้คือคำถามที่หลายคนคิดทบทวนไปทบทวนมาอยู่หลายเดือนตั้งแต่ลูกยังไม่คลอด จนคลอดแล้วใกล้เดินได้แล้วยังไม่สามารถตัดสินใจได้สักที เราจึงอยากขอเสนอวิธีเลือกคาร์ซีทตามประสปการณ์และความรู้ที่เราได้สะสมมาจากการรับซื้อ ขาย แลกเปลี่ยนคาร์ซีทมือสองมาสรุปให้เข้าใจกันง่ายๆ

ก่อนอื่นเลย คุณต้องดูก่อนว่าน้องตอนนี้อายุเท่าไรแล้ว เพราะคาร์ซีทจะแบ่งหลักๆ ตามช่วงอายุของเด็ก โดยทั่วไป คาร์ซีทแบ่งออกเป็น 3 ประเภทตามวัยของเด็กดังนี้
1. คาร์ซีทสำหรับเด็กวัยแรกเกิด แบ่งออกเป็น 2 แบบตามลักษณะสินค้าคือ
แบบกระเช้า ใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิด- 18 เดือน (หรือ 12 เดือน ขึ้นอยู่กับรุ่นและยี่ห้อ)
แบบตัวใหญ่ ใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิด- 4 ปี (หรือ 7 ปี ขึ้นอยู่กับรุ่นและยี่ห้อ)
2.คาร์ซีทสำหรับวัยเด็กเล็ก ใช้ได้ตั้งแต่ 9 เดือน - 4 ปี
3. คาร์ซีทเด็กบูสเตอร์สำหรับเด็ก แบ่งออกเป็น 3 แบบตามอุปกรณ์เสริมที่มีมาในชุดคือ
แบบมีที่กั้นด้านหน้า พนักพิงพร้อมเบาะรองนั่ง ใช้ได้ตั้งแต่ 1 – 12 ปี
แบบมีพนักพิงและเบาะรองนั่ง ใช้ได้ตั้งแต่3 – 12 ปี
แบบมีแต่เบาะรองนั่ง ใช้ได้ตั้งแต่5 – 12 ปี

การเลือกใช้คาร์ซีท นอกจากจะดูจากวัยของเด็กแล้ว ยังต้องดูที่ลักษณะของรถ ตำแหน่งติดตั้ง ลักษณะการติดตั้ง อีกด้วยเพราะนอกจากความปลอดภัยจากอุบัติเหตุแล้ว เรายังต้องคำนึงถึงความสะดวกสบายของผู้ร่วมโดยสารและเด็กเป็นสำคัญ
1. คาร์ซีทแบบกระเช้า สำหรับเด็กแรกเกิด- 18 เดือน (หรือ 12 เดือน ขึ้นอยู่กับรุ่นและยี่ห้อ)
คาร์ซีทประเภทนี้จะมีเข็มขัดด้านในที่ล๊อกตัวเด็กมาให้ซึ่งส่วนใหญ่หรือแทบทั้งหมดจะเป็นแบบ 5 จุด (รูปที่2) โดยเวลาที่ต้องการให้น้องนั่งเพื่อเดินทางในรถยนต์คุณพ่อคุณแม่ต้องรัดเข็มขัดนี้ทุกครั้ง

การติดตั้ง: จะติดตั้งโดยหันหน้าเข้าหาพนักพิง แล้วใช้เข็มขัดนิรภัยของรถ (Seat Belt) พาดมาตรงบริเวณบนกระเช้าและอ้อมที่รัดที่ด้านหลัง เพื่อให้คาร์ซีทยึดติดกับเบาะรถได้แน่น (รูปที่3) เมื่อเราขับรถถึงที่หมายคุณแม่สามารถเลือกที่จะถอดเฉพาะเข็มขัดด้านในและประครองลูกน้อยออกมาแล้วถึงคาร์ซึทติดรถไว้ หรือถ้าน้องยังนอนหลับอยู่เราสามารถถอดสาย Belt รถออก ปรับหูหิ้วให้สูงแล้วยกคาร์ซีทออกมาจากรถและหิ้วไปได้เลยโดยที่ไม่ต้องปลุกน้องขึ้นมา ซึ่งถ้าเป็นในลักษณะนี้การนำกลับมาติดจะต้องเริ่มการติดตั้งใหม่ทั้งหมด
จึงทำให้คาร์ซีทแบบกระเช้าบางรุ่นบางยี่ห้อ (เช่น Graco, Evenflo, Maxi Cosi) อาจจะมีฐานรองซึ่งเป็นอุปกรณ์เสริม (รูปที่ 4) มาให้ ซึ่งเราจะใช้ฐานรองนี้ในการติดตั้งหรือไม่ใช้ก็ได้ โดยข้อดีของการใช้ฐานรองคือ จะช่วยให้ติดตั้งได้ง่ายสะดวกเมื่อต้องการถอดกระเช้าออกและใส่กลับเพราะเพียงแค่ดึงที่จับด้านหลังก็สามารถถอดตัวกระเช้าออกจากฐานได้โดยไม่ต้องเสียเวลาติดตั้ง seat belt ใหม่ทั้งหมด
คาร์ซีทแบบกระเช้านี้ส่วนใหญ่สินค้าจะมีคู่มือที่ระบุให้ใช้ได้ถึง 12 หรือ 18 เดือน แต่จากประสปการณ์ที่เราได้พบคือ ลูกค้ามักจะใช้ได้จริงจนถึงประมาณ 8-10 เดือนเป็นอย่างมาก เพราะเด็กจะตัวใหญ่จนล้นคาร์ซีท และด้วยลักษณะการติดตั้งที่ต้องติดตั้งแบบหันหน้าเข้าพนักพิงนี้ขาของเด็กบางคนจะยาวชนพนัก นอกจากนั้นคาร์ซีทแบบกระเช้านี้ยังมีข้อเสียอีกอย่างหนึ่งคือไม่สามารถปรับองศาการเอนนั่งนอนได้ เมื่อเด็กเริ่มเข้าเดือนที่ 7 ซึ่งจะเริ่มนั่งตัวตรงได้แล้วเค้าจะพยายามที่จะดันหลังตัวเองออกมาจากคาร์ซีทเพื่อนั่ง ซึ่งเมื่อทำไม่ได้เพราะตัวถูกรัดด้วยเข็มขัดก็จะร้องโยเย

นอกจากประสปการณ์ข้างต้นซึ่งเราได้ทราบจากการพูดคุยกับคุณพ่อคุณแม่หลายท่าน เรายังได้ค้นคว้าเกี่ยวกับสุขลักษณะการนอนที่ถูกต้องของเด็กวัยแรกเกิดนี้จึงทำให้รู้ว่า ตั้งแต่แรกคลอดเด็กจะให้ท้องเป็นส่วนหนึ่งของการหายใจ และจะมีกระดูกสันที่เป็นแนวเส้นตรงจนถึงวัยที่สามารถนั่งตัวตรงได้ ดังนั้นการใช้คาร์ซีทแบบกระเช้าจึงเป็นการฝืนธรรมชาติของเด็กอย่างมากเพราะเมื่อเวลาเด็กนอนในกระเช้า ช่วงบริเวณท้องจะถูกกดทับและทำให้หายใจไม่สะดวกโดยเฉพาะเมื่อนั่งเป็นเวลานานอาจเกิดอาการ SIDS (Sudden Infants Death Syndrome) หรือโรคไหลตายในเด็กอ่อนได้ เพราะขาดอากาศ (Oxygen De-saturation)

เลือกซื้อคาร์ซีทราคาถูก คลิกเลย >>
สินค้าราคาถูก